top10
เมนูอาหารแปลกๆ

10 อันดับ เมนูอาหารแปลกๆ พิศดารทั่วโลก ที่แค่คิดก็สยองแล้ว

เมนูอาหารแปลกๆ มักเกิดขึ้นจากความเชื่อของคนในพื้นที่นั้นๆ หรือประเทศนั้นๆ อาจดูแปลกในสายตาของคนนอก แต่ดูปกติในประเทศของเขา อย่างไรก็ตาม อาหาร เหล่านั้นก็ไม่ใช่ว่าจะมีคุณค่าทางโภชนาการเลย เพียงแต่โดยปกติแล้ว มักจะไม่มีค่อยมีคนนำมันมากินสักเท่าไหร่ วันนี้ทางเว็บไซต์ 10 อันดับ ของเราจึงขอนำเสนอ เรื่องราวของ เมนูอาหาร ที่บอกได้เลยว่า แปลก แต่กินได้แน่นอน !!

รังนก

รังนก เมนูแปลก แต่หากินได้ไม่ยากนัก

ซุป รังนก เป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของชาวเอเชีย โดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ รังนกเป็นสารอาหารที่มีคุณค่าสูง อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณ บำรุงสายตา เป็นต้น

 

ซุปรังนกมีหลากหลายสูตร ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว ซุปรังนกจะปรุงด้วยรังนกแห้ง น้ำเปล่า น้ำตาลทราย และอาจเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ ลงไป เช่น น้ำผึ้ง น้ำผลไม้ ผลไม้แห้ง สมุนไพร เป็นต้น

วิธีทำ ซุปรังนก แม้แปลก แต่ก็กินได้

วิธีทำซุปรังนก

 

  1. แช่รังนกแห้งในน้ำเปล่าสะอาดเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่ารังนกจะพองตัว
  2. เทน้ำที่แช่รังนกออก ล้างรังนกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
  3. นำรังนกไปนึ่งด้วยไอน้ำเป็นเวลา 30-45 นาที หรือจนกว่ารังนกจะใสและนุ่ม
  4. นำน้ำเชื่อมมาผสมกับรังนกที่นึ่งแล้ว
  5. เติมส่วนผสมอื่นๆ ลงไปตามชอบ
  6. นำไปตุ๋นด้วยไฟอ่อนเป็นเวลา 30-45 นาที หรือจนกว่าซุปจะข้นและหอม
บึ้งทอด

ตัวบึ้ง ทอด เมนูอาหารแปลกๆ แมลงที่เหมือนแมงมุม ทอดกิน หอมนักแล

ตัวบึ้ง เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ พบได้ทั่วไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิยมรับประทานเป็นอาหารในบางประเทศ เช่น กัมพูชา ไทย และลาว

 

ตัวบึ้ง ทอด เป็นเมนูอาหารพื้นบ้านของกัมพูชา นิยมรับประทานเป็นอาหารว่างหรืออาหารจานหลัก การเตรียมตัวบึ้งทอด เริ่มจากการนำตัวบึ้งมาล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาตัดหัว ตัดขา และตัดท้องออก นำไปล้างอีกครั้งให้สะอาด จากนั้นนำตัวบึ้งไปคลุกเคล้ากับแป้งสาลี เกลือ และพริกไทย แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนจนเหลืองกรอบ

 

ตัวบึ้งทอดมีรสชาติอร่อย กรอบนอกนุ่มใน นิยมรับประทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วหรือน้ำจิ้มบ๊วย บางคนอาจรู้สึกแปลกใจหรือกลัวที่จะรับประทานตัวบึ้ง แต่จริงๆ แล้วตัวบึ้งเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยม

ข้อควรระวังในการกิน ตัวบึ้งทอด เมนูอาหารแปลกๆ

ข้อควรระวังในการรับประทาน ตัวบึ้ง

 

ตัวบึ้งเป็นสัตว์ป่า จึงควรเลือกรับประทานตัวบึ้งที่มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ที่สำคัญควรล้างตัวบึ้งให้สะอาดก่อนนำไปปรุงอาหารทุกครั้ง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกหรือสารพิษ

 

นอกจากนี้ ผู้ที่แพ้อาหารทะเลควรหลีกเลี่ยงการรับประทานตัวบึ้ง เนื่องจากตัวบึ้งเป็นสัตว์จำพวกแมลง ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มอาหารทะเลเช่นกัน

เมนูอาหารแปลกๆ

ปลาปักเป้า เมนูที่ว่ากันว่า เลิศรส แต่พลาดทีอาจถึงตาย

ปลาปักเป้า เป็นปลาทะเลชนิดหนึ่งที่มีพิษร้ายแรง แต่เนื้อปลากลับมีรสชาติอร่อย จึงกลายเป็นอาหารอันโอชะที่นิยมรับประทานในหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น

 

ปลาปักเป้ามีพิษอยู่ในอวัยวะต่างๆ เช่น ผิวหนัง รังไข่ ตับ และลำไส้ พิษของปลาปักเป้าสามารถทำให้เสียชีวิตได้หากได้รับปริมาณมาก ด้วยเหตุนี้ การเตรียมปลาปักเป้าจึงต้องอาศัยทักษะและความรู้เฉพาะทาง

เมนูอาหาร ที่ทำจาก ปลาปักเป้า

เมนูอาหารจากปลาปักเป้ามีหลากหลายรูปแบบ เช่น

 

  1. เท็ซซะ หรือ ซาชิมิปลาปักเป้า เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุด นิยมรับประทานเนื้อปลาบริเวณท้องหรือส่วนที่เรียกว่าโอโทโร่ ซึ่งเนื้อมีไขมันแทรกอยู่มาก
  2. คาวะซาชิ เป็นเมนูหนังปลาปักเป้าหั่นเส้นบางๆ นำไปลวกน้ำร้อนแล้วจุ่มน้ำเย็นอย่างรวดเร็ว หนังปลามีรสสัมผัสกรุบกรอบ
  3. เท็ตจิริ หรือ ข้าวต้มปลาปักเป้า เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน นิยมรับประทานเนื้อปลาปักเป้าหั่นชิ้นเล็กๆ ร่วมกับข้าวต้มและน้ำซุป
  4. ปลาปักเป้าย่าง เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในเกาหลี นิยมรับประทานเนื้อปลาปักเป้าย่างกับซอสพริก
  5. ปลาปักเป้าคาราอาเกะ เป็นเมนู ปลาปักเป้าชุบแป้งทอด นิยมรับประทานกับซอสพริกหรือซอสมะเขือเทศ

 

การรับประทานปลาปักเป้าควรเลือกร้านอาหารที่มีความน่าเชื่อถือและเชี่ยวชาญในการปรุงอาหารจากปลาปักเป้า เพื่อให้มั่นใจว่าปลาปักเป้าได้รับการเตรียมอย่างปลอดภัย

เมนูอาหารแปลกๆ

ไข่บาลุต หรือ ไข่ข้าว เมนูอาหารแปลกๆ เหมือนไข่ แต่หน้าตาไม่ไข่เท่าไหร่

ไข่บาลุต (Balut) เป็นไข่เป็ดหรือไข่ไก่ที่ได้รับการผสมแล้วและเริ่มมีตัวอ่อนของเป็ดหรือไก่อยู่ข้างใน ไข่บาลุตเป็นอาหารพื้นเมืองของหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ลาว และกัมพูชา

 

ไข่บาลุตมีรสชาติที่หลากหลายขึ้นอยู่กับอายุของตัวอ่อน ไข่ที่อายุน้อยจะมีรสชาติคล้ายไข่ต้มธรรมดา แต่ไข่ที่อายุมากขึ้นจะมีรสชาติคล้ายไก่ต้มหรือเป็ดต้ม ตัวอ่อนของไข่ยังสามารถรับประทานได้อีกด้วย โดยจะมีรสชาติคล้ายเนื้อไก่หรือเนื้อเป็ด

 

ไข่บาลุตเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยอุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี12 ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส เป็นต้น

 

วิธีการรับประทานไข่บาลุตโดยทั่วไป เริ่มจากการนำไข่มาต้มในน้ำเดือดประมาณ 25-30 นาที จากนั้นนำไข่มาแช่น้ำเย็นเพื่อหยุดการสุก ไข่สามารถรับประทานได้ทั้งเปลือกและไม่ต้องแกะเปลือกออก โดยนิยมรับประทานคู่กับน้ำมะนาวหรือน้ำจิ้มต่างๆ

 

ไข่บาลุตเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่สำหรับบางคนอาจรู้สึกแปลกใจหรือกลัวที่จะรับประทานไข่บาลุต เนื่องจากมีตัวอ่อนของเป็ดหรือไก่อยู่ภายใน

เมนูอาหารแปลกๆ

คาสุมาร์ซู หรือ ชีสหนอน แค่ฟังชื่อก็รู้สึกแปลกๆแล้ว

คาสุมาร์ซู (Casu marzu) เป็นชีสพื้นเมืองของเกาะซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี ผลิตจากนมแกะ โดยปล่อยให้ชีสเน่าเสียจนตัวอ่อน แมลงวันชีส (Piophila casei) วางไข่และฟักตัวออกมาเป็นหนอน

 

คาสุมาร์ซูเป็นชีสที่มีกลิ่นฉุนรุนแรงมากจนถูกขนานนามว่าเป็น “ชีสเน่า” หรือ “ชีสหนอน” บางคนอาจรู้สึกขยะแขยงหรือกลัวที่จะรับประทาน แต่สำหรับชาวซาร์ดิเนียแล้ว คาสุมาร์ซูเป็นอาหารพื้นเมืองที่มีรสชาติอร่อยและเป็นที่ชื่นชอบ

 

กระบวนการผลิตคาสุมาร์ซู เริ่มจากการนำชีสมาเจาะรูเล็กๆ ทั่วทั้งก้อน เพื่อให้แมลงวันชีสสามารถวางไข่และฟักตัวได้ เมื่อแมลงวันชีสวางไข่และฟักตัวออกมาเป็นหนอน หนอนจะย่อยสลายไขมันในชีส ทำให้ชีสมีเนื้อสัมผัสนุ่มและละลายในปาก

 

คาสุมาร์ซูมีรสชาติเค็มเล็กน้อย ผสมผสานกับรสชาติของหนอนแมลงวันชีสที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับไข่ต้มสุก นิยมรับประทานเป็นอาหารว่างหรืออาหารจานหลัก โดยมักรับประทานคู่กับขนมปังหรือไวน์

 

คาสุมาร์ซูเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยอุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี12 ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตาม คาสุมาร์ซูเป็นอาหารที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ เนื่องจากหนอนแมลงวันชีสอาจปนเปื้อนแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคได้ จึงควรรับประทานคาสุมาร์ซูอย่างระมัดระวัง โดยเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้

ปลาร้าสวีเดน

เซอร์สตอร์มมิง ปลาร้าสวีเดน แม้กลิ่นจะแรง แต่ชาวสวีเดนบอก แซ่บหลาย

เซอร์สตอร์มมิง (Surströmming) เป็นอาหารพื้นเมืองของสวีเดน ผลิตจาก ปลาเฮอร์ริง (Herring) นำมาหมักในถังไม้หรือกระป๋องเป็นเวลาหลายเดือน จนมีกลิ่นฉุนรุนแรงคล้ายไข่เน่า จึงถูกขนานนามว่าเป็น “ปลาเน่า” หรือ “ปลาร้าสวีเดน

 

เซอร์สตอร์มมิงเป็นอาหารที่มีรสชาติเค็มจัด มีกลิ่นฉุนแรงจนบางคนอาจรู้สึกขยะแขยงหรือกลัวที่จะรับประทาน แต่สำหรับชาวสวีเดนแล้ว เซอร์สตอร์มมิงเป็นอาหารพื้นเมืองที่มีรสชาติอร่อยและเป็นที่ชื่นชอบ

 

กระบวนการผลิตเซอร์สตอร์มมิง เริ่มจากการนำปลาเฮอร์ริงสดๆ มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปหมักในถังไม้หรือกระป๋องพร้อมกับเกลือและสมุนไพรต่างๆ การหมักปลาเฮอร์ริงจะช่วยย่อยสลายไขมันและโปรตีนในปลา ทำให้ปลามีรสชาติเค็มจัดและกลิ่นฉุนรุนแรง

 

เซอร์สตอร์มมิงมีวิธีการรับประทานที่ค่อนข้างแปลก โดยเริ่มจากการเปิดกระป๋องเซอร์สตอร์มมิงในที่โล่งแจ้ง เนื่องจากกลิ่นของปลาเน่าจะรุนแรงมาก จากนั้นนำปลาเฮอร์ริงมารับประทานกับขนมปัง หัวหอม หรือมันฝรั่งต้ม

 

เซอร์สตอร์มมิงเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยอุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี12 ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตาม เซอร์สตอร์มมิงเป็นอาหารที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ เนื่องจากปลาเน่าอาจปนเปื้อนแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคได้ จึงควรรับประทานเซอร์สตอร์มมิงอย่างระมัดระวัง โดยเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้

วิธีรับประทาน ปลาร้าสวีเดน

วิธีรับประทานเซอร์สตอร์มมิง

 

เตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆ ดังนี้

 

  1. เซอร์สตอร์มมิง

– ขนมปัง

– หัวหอม

– มันฝรั่งต้ม

– น้ำมะนาว

 

  1. เปิดกระป๋องเซอร์สตอร์มมิงในที่โล่งแจ้ง เนื่องจากกลิ่นของปลาเน่าจะรุนแรงมาก
  2. นำปลาเฮอร์ริงมารับประทานกับขนมปัง หัวหอม หรือมันฝรั่งต้มตามต้องการ
  3. บีบน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อยเพื่อตัดรสชาติเค็มจัดของปลาเฮอร์ริง
  4. รับประทานเซอร์สตอร์มมิงให้หมดภายใน 24 ชั่วโมงหลังเปิดกระป๋อง เนื่องจากปลาเฮอร์ริงจะเสียเร็ว
เมนูอาหารแปลกๆ

ปลาหมึก ตัวเป็นๆ เมนูอาหารแปลกๆ แต่ได้รับความนิยมในเกาหลีใต้

ปลาหมึก เป็นอาหารทะเลที่มีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ นิยมรับประทานเป็นอาหารหลากหลายรูปแบบ ทั้งอาหารจานหลัก อาหารว่าง และอาหารทานเล่น

 

ปลาหมึกเป็นสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ในน้ำเค็ม พบได้ทั่วไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปลาหมึกมีลำตัวยาว มีหนวด 8 เส้น ตาขนาดใหญ่ และปากที่มีฟันแหลมคม

 

ปลาหมึกเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยอุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี12 ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส เป็นต้น

เมนูอาหารจาก ปลาหมึก ตัวเป็นๆ

เมนูอาหารจากปลาหมึกเป็นๆ ที่นิยมรับประทาน ได้แก่

 

  1. ปลาหมึกช็อต หรือ หมึกช็อต เป็นเมนูอาหารยอดนิยมของไทย นิยมรับประทานเป็นอาหารว่างหรืออาหารทานเล่น การเตรียมปลาหมึกช็อต เริ่มจากการนำปลาหมึกสดๆ มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปช็อตด้วยไฟฟ้าจนปลาหมึกตาย ตัดหัวและหนวดออก จากนั้นนำไปปรุงอาหารตามต้องการ
  2. ปลาหมึกสดจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด เป็นเมนูอาหารยอดนิยมของไทย นิยมรับประทานเป็นอาหารว่างหรืออาหารทานเล่น การเตรียมปลาหมึกสดจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด เริ่มจากการนำปลาหมึกสดๆ มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปตัดหัวและหนวดออก จากนั้นนำไปจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด
  3. ปลาหมึกสดซาชิมิ เป็นเมนูอาหารญี่ปุ่น นิยมรับประทานเป็นอาหารจานหลัก การเตรียมปลาหมึกสดซาชิมิ เริ่มจากการนำปลาหมึกสดๆ มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาแล่เป็นชิ้นบางๆ รับประทานกับวาซาบิและโชยุ
  4. ปลาหมึกสดยำ เป็นเมนูอาหารไทย นิยมรับประทานเป็นอาหารจานหลัก การเตรียมปลาหมึกสดยำ เริ่มจากการนำปลาหมึกสดๆ มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปยำกับเครื่องปรุงต่างๆ เช่น มะนาว น้ำตาล น้ำปลา พริก หอมแดง
  5. ปลาหมึกสดปิ้ง เป็นเมนูอาหารไทย นิยมรับประทานเป็นอาหารจานหลัก การเตรียมปลาหมึกสดปิ้ง เริ่มจากการนำปลาหมึกสดๆ มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปปิ้งบนเตาถ่านจนสุก รับประทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ด

 

การรับประทานปลาหมึกเป็นๆ ควรเลือกปลาหมึกที่สดใหม่ โดยสังเกตจากลักษณะภายนอกของปลาหมึก เช่น ผิวปลาหมึกต้องไม่แห้งหรือเหี่ยว หนวดปลาหมึกต้องยืดหยุ่น ไม่แข็งหรือเปราะ

กาแฟชะมด

กาแฟชะมด หรือ กาแฟจากขี้ชะมด แม้ชื่อดูไม่น่าทาน แต่ดังไกลทั่วโลก

กาแฟ Kopi Luwak หรือ กาแฟชะมด เป็นกาแฟที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เพราะเป็นกาแฟที่หายากและราคาแพงมาก กาแฟ Kopi Luwak ผลิตจากเมล็ดกาแฟที่ ชะมด กินเข้าไปแล้วขับถ่ายออกมา กระบวนการผลิตกาแฟ Kopi Luwak นี้ทำให้กาแฟ Kopi Luwak มีรสชาติที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว

 

กระบวนการผลิตกาแฟ Kopi Luwak เริ่มจากการที่ชะมดจะกินเมล็ดกาแฟดิบเข้าไป เมล็ดกาแฟจะผ่านระบบย่อยอาหารของชะมด ซึ่งจะมีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนและไขมันในเมล็ดกาแฟ ทำให้เมล็ดกาแฟมีรสชาติที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จากนั้นชะมดจะขับถ่ายเมล็ดกาแฟออกมา เมล็ดกาแฟที่ชะมดขับถ่ายออกมาจะถูกนำไปล้างทำความสะอาด จากนั้นนำไปคั่วและบดเพื่อนำมาชงดื่ม

หัวใจสดๆ ของ นกพัฟฟิน อาหารสุดโหดจาก ประเทศไอซ์แลนด์

หัวใจ สดๆ ของ นกพัฟฟิน เป็นอาหารพื้นเมืองของประเทศไอซ์แลนด์ นิยมรับประทานในฤดูหนาว เพราะเป็นช่วงที่นกพัฟฟินอพยพมาวางไข่ในไอซ์แลนด์

 

การรับประทานหัวใจสดๆ ของนกพัฟฟินถือว่าเป็นเรื่องปกติในไอซ์แลนด์ เนื่องจากนกพัฟฟินเป็นสัตว์ป่าที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม บางคนอาจรู้สึกขยะแขยงหรือกลัวที่จะรับประทานหัวใจสดๆ ของนกพัฟฟิน เนื่องจากนกพัฟฟินเป็นนกทะเลที่มีกลิ่นคาวแรง

 

การรับประทานหัวใจสดๆ ของนกพัฟฟินสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงนำนกพัฟฟินมาหักคอ ถลกหนังออก จากนั้นควักหัวใจสดๆ มารับประทานทันที หัวใจสดๆ ของนกพัฟฟินมีรสชาติคล้ายกับปลาดิบ แต่มีกลิ่นคาวแรงกว่า

ประโยชน์และข้อควรระวังของการทาน หัวใจนกพัฟฟิน เมนูอาหารแปลกๆ

หัวใจสดๆ ของนกพัฟฟินเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยอุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี12 ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส เป็นต้น

 

โปรตีนในหัวใจสดๆ ของนกพัฟฟินช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และสร้างเซลล์ใหม่ ไขมันในหัวใจสดๆ ของนกพัฟฟินช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ในหัวใจสดๆ ของนกพัฟฟินช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง

 

ข้อควรระวังในการรับประทานหัวใจสดๆ ของนกพัฟฟิน

 

หัวใจสดๆ ของนกพัฟฟินเป็นอาหารที่มีกลิ่นคาวแรง อาจทำให้บางคนรู้สึกขยะแขยงหรือกลัวที่จะรับประทาน นอกจากนี้ นกพัฟฟินเป็นนกทะเลที่อาจได้รับสารปนเปื้อนจากทะเล เช่น สารโลหะหนัก สารพิษต่างๆ จึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ

เมนูอาหารแปลกๆ

เหล้าดองงู เหล้าดองที่ดูน่ากลัว ของแถบ เอเชีย

เหล้าดองงู เป็นอาหารพื้นเมืองของหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา เชื่อกันว่าเหล้าดองงูมีสรรพคุณทางยา เช่น แก้ปวดเมื่อย บำรุงร่างกาย และเสริมสมรรถภาพทางเพศ

 

เหล้าดองงู มีต้นกำเนิดในประเทศจีนโบราณ เชื่อกันว่าเหล้าดองงูถูกค้นพบโดยบังเอิญ เมื่อนักพรตจีนคนหนึ่งได้สังเกตเห็นว่างูที่กินเหล้าจะมีอายุยืนกว่างูทั่วไป นักพรตจีนจึงทดลองนำงูมาดองในเหล้า พบว่างูที่ดองในเหล้ายังมีชีวิตอยู่ และพบว่างูมีสรรพคุณทางยา จึงเริ่มนำเหล้าดองงูมาใช้เป็นยารักษาโรค