เรื่องลึกลับใต้ทะเลลึก เป็นโลกที่เต็มไปด้วยปริศนาและความมหัศจรรย์ มนุษย์นั้นรู้จักเพียงส่วนเล็กๆ ของมหาสมุทรเท่านั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ใต้ห้วงที่ยังคงเป็น เรื่องลึกลับใต้ทะเลลึก ยังคงเป็นปริศนาที่รอการค้นพบ สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่มีรูปร่างแปลกประหลาดและน่าพิศวง หลากหลายชนิดที่เรายังไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน รวมถึงพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกก็ดูลึกลับไม่แพ้กันเลยทีเดียว และสิ่งมีชีวิตบางชนิดยังมีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมสุดโหดร้ายใต้ทะเลลึกได้อีกด้วย และก็ยังมีสิ่งมีชีวิตบางตัวที่สามารถสื่อสารกันด้วยวิธีการที่แปลกประหลาด
ปริศนาต่างๆมากมายที่ยังไม่ถูกไข ดึงดูดให้เหล่านักสำรวจและนักวิทยาศาสตร์ ผู้หลงใหลในความตื่นเต้น มาค้นหาคำตอบอยู่เสมอ แม้ว่าในปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีใดๆ ที่สามารถทำให้การสำรวจใต้ท้องทะเลสามารถทำได้โดยง่าย แต่ก็ยังคงมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการสำรวจอยู่เสมอ
ในวันนี้ทางเว็บไซต์ของเราถึงขอนำเสนอ 10 อันดับ เรื่องราวที่น่าดึงดูดและชวนให้คิดตามเกี่ยวกับโลกใต้ทะเลลึก ที่ยังมีอีกหลายสิ่งที่เรายังไม่รู้ และยังรอคอยให้เราได้ค้นพบในสักวัน
มหาสมุทร คือ พื้นน้ำมันกว้างใหญ่ไพศาลที่ปกคลุมโลกของเราอยู่ และเป็นทั้งจุดเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิต และยังเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด ที่มนุษย์ยังไม่รู้จักและยังไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่นอกจากนั้นแล้ว มหาสมุทรยังมีปริศนามากมายที่นักสำรวจ และ นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถไขได้
จุดที่ลึกที่สุดของโลก คือ แชลเลนเจอร์ดีป (Challenger Deep) ตั้งอยู่ที่ร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา (Mariana Trench) ใกล้กับหมู่เกาะมาเรียนาในมหาสมุทรแปซิฟิก จุดที่ลึกที่สุดของมันอยู่ที่ระดับความลึก 10,911 เมตร ในระดับต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ซึ่งปัจจุบันก็มีข้อถงเถียงกันว่า นี้อาจไม่ใช่จุดที่ลึกที่สุดในโลก แต่เป็นเพียงแค่จุดที่เรือดำน้ำในเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถไปถึง
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การสำรวจเพียงเท่านี้นั้น ก็ทำได้เพียงแค่ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่มหาสมุทรทั่วโลกเท่านั้นยังคงมีสิ่ง ลึกลับ บางอย่างซ่อนอยู่ใต้ความมืดนั้นรอคอยให้ใครสักคนไปค้นพบมัน
ในวันนี้ทางเว็บไซต์ของเราจะพาทุกท่านไปพบกับ 10 อันดับ เรื่องลึกลับใต้ทะเล ที่มีข้อมูลและถูกบันทึกไว้ จะเป็นเรื่องอะไรบ้าง เราไปรับชมกันเลย !!
อีกหนึ่ง เรื่องลึกลับใต้ทะเลลึก เมกาโลดอน (Carcharocles Megalodon) เป็น ฉลาม ขนาดใหญ่ยักษ์ที่สูญพันธ์ไปแล้ว พวกมันมีถิ่นอาศัยอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลกในช่วงสมัยไมโอซีนตอนปลายและโพลโอซีนตอนต้น หรือ ประมาณ 23 ถึง 3.6 ล้านปีก่อน
ฉลาม เมกาโลดอน เป็นฉลามที่ใหญ่ที่สุดที่เคยอาศัยอยู่บนโลก ความยาวของช่วงตัวมัน อาจยาวได้ถึง 20 เมตร และหนักได้ถึง 100 ตัน ฟันของมันมีขนาดใหญ่และแหลมคมเป็นอย่างมาก ความยาวของฟันแต่ละซี่อาจยาวได้ถึง 18 เซนติเมตร หรือ จะให้พูดง่ายก็คือ มีความยาวประมาณ ข้อมือถึงข้อศอกของมนุษย์นั้นเอง ฟันอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้มีไว้เพื่อฉีกเนื้อของเหยื่อ
เมกกาโลดอน เป็นสัตว์ทะเลที่ดุร้ายและทรงพลังเป็นอย่างมาก ฉลามยักษ์เมกกาโลดอนเป็นสัตว์กินเนื้อที่มีอาหารหลักคือ วาฬ ปัจจุบัน เชื่อกันว่าฉลามยักษ์เมกกาโลดอนสูญพันธุ์ไปเมื่อประมาณ 2.6 ล้านปีก่อน สาเหตุของการสูญพันธุ์ของมันยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ แต่เชื่อกันว่าอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือแข่งขันกับฉลามขาว
คราเคน (Kraken) เป็นสัตว์ประหลาดในตำนานของชาวนอร์ส เชื่อกันว่าเป็นหมึกยักษ์ขนาดมหึมาที่มีหนวดยาวและแข็งแรงอย่างมาก โดยมันอาศัยอยู่ในทะเลลึกและสามารถโจมตีเรือได้ ตามตำนานของคราเคนนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณและถูกเล่าขานมาหลายศตวรรษ
ว่ากันว่ามันมีขนาดตัวที่ใหญ่มาก โดยลำตัวอาจยาวได้ถึง 100 เมตร และมีหนวดยาวประมาณ 20 เมตร และหนวดของมันมีหนามแหลมคมที่สามารถพันรอบเรือลำใหญ่และจมลงได้สบายๆ มันมีหัวขนาดใหญ่ยักษ์และมีดวงตาขนาดใหญ่ ปากของมันมีฟันที่แหลมคมพร้อมจะกัดกินทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมัน ต้นกำเนิดของมันยังคงไม่ชัดเจนจนถึงปัจจุบัน เป็นไปได้ว่าตำนานนี้อาจจะเกิดจากคนที่พบเห็นหมึกยักษ์ตัวนี้จริงๆ หรือ เป็นเพียงแค่จินตนาการของชาวนอร์ส
สามเหลี่ยม เบอร์มิวด้า (The Bermuda Triangle) หรือที่รู้จักในอีกชื่อคือ สามเหลี่ยมปีศาจ (The Devil’s Triangle) เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่น่าทึ่งและน่ากลัวที่สุดในโลก เป็นอาณาเขตที่สมมุติขึ้นมาในมหาสมุทรแอตแลนติก ถ้าลากเส้นจากจุดสามจุดเชื่อมต่อกัน ตั้งแต่จุดแรกที่มหาสมุทรแอตแลนติกภาคตะวันตก ไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดา และเปอร์โตริโก เชื่อมต่อกันเป็นรูปสามเหลี่ยม เนื้อที่ประมาณ 1.2 ล้านตารางกิโลเมตร
ภายในบริเวณนี้เองที่เกิดเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นหลายแบบทั้ง อากาศยาน และ เรือเดินสมุทร ส่วนมากจะเกิดขึ้นในบริเวณแนวชายฝั่งทางตอนใต้ โดยปกติสิ่งที่มักเกิดขึ้นคือ การสูญหาย ของเครื่องบินเป็นจำนวนกว่า 100 เครื่อง และเรืออีกจำนวนนับไม่ถ้วน ชีวิตมนุษย์นับพันชีวิต ได้หายไปในพื้นที่ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านี้ โดยไม่มีร่องรอยและซากศพ ไม่มีชิ้นส่วนใดๆ หรือ ซากเรือหรือเครื่องบินที่หายไปให้เห็น
แม้จะมีทฤษฏีมากมายที่ถูกยกขึ้นมาเพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงต้นตอของสาเหตุสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีทฤษฏีไหนให้ความกระจ่างชัดแก่ทุกคนได้ เนื่องจากพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้ามีอาณาเขตที่กว้างมาก ฉะนั้นการพิสูจน์ทฤษฏีต่างๆจึงยังเป็นไม่ได้ง่ายๆ
ในท้องทะเลที่กว้างใหญ่เหล่านักเดินเรือหลายชีวิตในช่วงอดีตอันไกล ได้เล่าถึงตำนานที่เป็นโด่งดังของ เรือผี สิง แห่งท้องทะเลอันมีชื่อเสียงคงจะไม่พ้น ฟลายอิ้งดัตช์แมน (Flying Dutchman) เป็นตำนานของเรือผีสิงที่เชื่อกันว่าจะล่องลอยไปทั่วท้องทะเลจนกว่าจะถึงวันสิ้นสุดของโลก เรือลำนี้มักจะปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะบริเวณ แหลมกู๊ด โฮป (Cape of Good Hope) ว่ากันว่าเรือลำนี้จะมีแสงที่น่ากลัวออกมาจากตัวเรือ และมีกัปตันเรือที่แต่งกายแบบยุคสมัยเก่ายืนคุมเรืออยู่ พร้อมกับส่งเสียงอันโหยหวนน่าขนหัวลุกออกมา
ต้นกำเนิดของตำนานฟลายอิ้งดัตช์แมนนั้นไม่แน่ชัด แต่มีเรื่องเล่ามากมายที่อ้างถึงที่มาของเรือลำนี้ หนึ่งในเรื่องเล่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเรื่องเล่าของ กัปตันเฮนดริค แวน เดน เดกเกน (Heinrich Van Der Decken) กัปตันเรือชาวดัตช์ที่ออกเดินทางจากเนเธอร์แลนด์ไปยังอินเดียตะวันออกในช่วงต้นศตวรรษที่ 17
แวน เดน เดกเกน เป็นกัปตันเรือที่โหดเหี้ยมและไม่เกรงกลัวต่อพระเจ้า ในระหว่างการเดินทางครั้งหนึ่ง เขาได้พบกับพายุใหญ่และสาปแช่งพระเจ้าว่าถ้าเขาไม่สามารถออกจากพายุได้ก็จะไม่ยอมขึ้นฝั่งอีกเลย พายุสงบลง แต่แวน เดน เดกเกน ก็ยังคงล่องเรือต่อไปโดยไม่ยอมขึ้นฝั่ง และกลายเป็นเรือผีสิงที่ล่องลอยไปทั่วท้องทะเลนับแต่นั้นเป็นต้นมา
แอตแลนติส (Ἀτλαντὶς) เป็นชื่อในภาษากรีกที่มีความหมายว่า “เกาะแอตลาส” เป็นอาณาจักรในตำนานที่ถูกกล่าวถึงโดยเพลโต ปราชญ์ของกรีกโบราณที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อแนวคิดตะวันตก
กล่าวกันว่าอาณาจักรแอตแลนติส หรือ เมืองใต้น้ำ เป็นทวีปทวีปหนึ่งที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นที่อยู่อาศัยของพลเมืองผู้ทรงคุณธรรมและเทคโนโลยีที่สูงส่ง กำแพงเมืองเป็นทองคำและวิหารสร้างด้วยเงิน มีอุทยานหย่อนใจ และสนามแข่งม้า ทว่ามันถูกทำลายพังพินาศ ด้วยความพิโรธของเทพเจ้าผู้เนรมิตมันขึ้นมา คำว่า แอตแลนติส มาจากแอตลาสบุตรของ โพไซดอน แอตแลนติสอาจอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นักประดาน้ำบางคนพบขุมทองบริเวณนั้นนั่นเอง
ตำนานของแอตแลนติส เริ่มต้นจากเพลโตได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับแอตแลนติสไว้ 2 ครั้ง ในหนังสือ ไทมัส (Timaeus) และ คริติอัส (Critias) เพลโตเล่าว่าแอตแลนติสเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก อยู่ใกล้กับเฝอไร (Gadeira) ซึ่งเป็นชื่อของเมืองยิบรอลตาร์ในปัจจุบัน
แอตแลนติสเป็นเกาะที่ใหญ่โต มีอารยธรรมที่รุ่งเรืองมาก ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ดี มีเทคโนโลยีที่สูงส่ง เรือรบของแอตแลนติสสามารถแล่นได้ไกลถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
แต่แล้ววันหนึ่ง แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้น ทำให้แอตแลนติสจมลงสู่ใต้ทะเล ผู้คนในเมืองต่างก็จมน้ำตาย ตำนานของแอตแลนติสจึงกลายเป็นตำนานของเมืองที่สาบสูญ
ทะเลที่ลึกที่สุดในโลกคือ ร่องลึกมาเรียนา (Mariana Trench) ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้กับหมู่เกาะมาเรียนา ลึกกว่า 11,034 เมตร (36,201 ฟุต) จากผิวน้ำ ทะเล ที่ ลึก ที่สุด ใน โลก เป็นร่องลึกใต้ทะเลที่เกิดจากแผ่นเปลือกโลกสองแผ่นชนกัน แรงกดดันของน้ำที่ระดับความลึกนี้มากถึง 1,086 บรรยากาศ ซึ่งมากกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 เท่า
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในร่องลึกมาเรียนานั้นหายากและแปลกประหลาดมาก สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น อุณหภูมิที่เย็นจัด ความดันที่สูง และแสงน้อยมาก สิ่งมีชีวิตบางชนิดในร่องลึกมาเรียนา ได้แก่
ร่องลึกมาเรียนาเป็นสถานที่ที่ยากต่อการสำรวจ เนื่องจากความลึกและความกดดันของน้ำที่สูง ครั้งแรกที่มนุษย์ดำดิ่งลงไปถึงก้นร่องลึกมาเรียนาคือในปี พ.ศ. 2511 โดย Jacques Piccard และ Don Walsh โดยใช้เรือดำน้ำ Trieste
ตั้งแต่นั้นมา มีการสำรวจร่องลึกมาเรียนาอีกหลายครั้งโดยใช้เรือดำน้ำและยานพาหนะใต้น้ำหุ่นยนต์ การศึกษาเหล่านี้ได้ช่วยให้เราเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงแห่งนี้
สัตว์ประหลาดทะเล เป็นสิ่งมีชีวิตที่เล่าขานกันมาแต่โบราณ บ้างว่ามีอยู่จริง บ้างว่าเป็นเพียงจินตนาการ แต่อย่างไรก็ตาม สัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึกยังคงเป็นปริศนาที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนทั่วโลก
เป็นสิ่งมีชีวิตที่เล่าขานกันมาแต่โบราณ บ้างว่ามีอยู่จริง บ้างว่าเป็นเพียงจินตนาการ แต่อย่างไรก็ตาม สัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึกยังคงเป็นปริศนาที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนทั่วโลก
นางเงือก เป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานที่มักปรากฏในนิทานและวรรณกรรมต่างๆ ทั่วโลก พวกนางเงือกมักถูกบรรยายว่าเป็นหญิงสาวที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์และท่อนล่างเป็นปลา นางเงือกมักอาศัยอยู่ในทะเลและมักถูกมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สวยและน่าหลงใหล
ตำนานเกี่ยวกับนางเงือกมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เชื่อกันว่าตำนานเกี่ยวกับนางเงือกเริ่มต้นขึ้นในประเทศจีนเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน ตำนานจีนเล่าว่านางเงือกเป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ในทะเลลึก นางเงือกมักถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความงาม ความอ่อนโยน และโชคลาภ
ตำนานเกี่ยวกับนางเงือกแพร่กระจายไปทั่วโลกและถูกดัดแปลงไปตามวัฒนธรรมต่างๆ ตำนานเกี่ยวกับนางเงือกในยุโรปมักเล่าว่านางเงือกเป็นสิ่งมีชีวิตอันตรายที่มักล่อลวงและทำร้ายมนุษย์ ตำนานเกี่ยวกับนางเงือกในญี่ปุ่นมักเล่าว่านางเงือกเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใจดีและมักช่วยเหลือมนุษย์
นางเงือกเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับและน่าหลงใหล ตำนานเกี่ยวกับนางเงือกยังคงถูกเล่าขานสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ตำนานเกี่ยวกับนางเงือกสะท้อนให้เห็นถึงจินตนาการของมนุษย์เกี่ยวกับโลกแห่งจินตนาการและโลกแห่งความเป็นจริง
ไอโซพอด (Isopod) เป็นสัตว์จำพวกครัสเตเชียนขนาดเล็กที่มีรูปร่างคล้ายหอยทาก ไอโซพอดมีขา 7 คู่ ลำตัวแบนข้าง หัวมีตา หนวด ปาก และฟัน พวกมันสามารถพบได้ทั่วไปในแหล่งน้ำจืด น้ำเค็ม และบนบก บางชนิดสามารถดำรงชีวิตได้ทั้งในน้ำและบนบก สิ่งมีชีวิตชนิดนี้เป็นสัตว์กินพืชและกินซากพืชซากสัตว์ มีความสำคัญต่อระบบนิเวศโดยทำหน้าที่ย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ ไอโซพอดบางชนิดยังถูกนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์และอาหารของคนอีกด้วย
ไอโซพอดมีมากกว่า 12,000 ชนิด และส่วนใหญ่มีขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร บางชนิดมีขนาดใหญ่ถึง 10 เซนติเมตร มีสีสันหลากหลาย เช่น สีขาว สีดำ สีแดง สีน้ำตาล และสีเขียว บางชนิดมีสีสันสดใส เช่น สีชมพูและสีเหลือง บางชนิดมีสีสันที่เปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งแวดล้อม เช่น มีสีน้ำตาลอ่อนเมื่ออยู่ในน้ำ และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มเมื่ออยู่บนบก
พวกมันเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศโดยทำหน้าที่ย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ ช่วยในการหมุนเวียนสารอาหารในระบบนิเวศ อีกทั้งยังช่วยในการปรับปรุงคุณภาพของดิน บางชนิดยังช่วยในการกำจัดศัตรูพืช ไอโซพอดเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์และระบบนิเวศ และพวกมันควรได้รับการอนุรักษ์และคุ้มครองไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันสูญพันธุ์
โยนากุนิ (Yonaguni) คือกลุ่มเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ในหมู่เกาะรีวกีวทางตอนใต้ของญี่ปุ่น โยนากุนิเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องชายหาดที่สวยงามและน้ำทะเลใสสะอาด แต่สิ่งที่ทำให้โยนากุนิมีชื่อเสียงไปทั่วโลกคือ อนุสาวรีย์หินใต้น้ำ อนุสาวรีย์หินใต้น้ำแห่งนี้ถูกค้นพบในปี 1986 โดยนักดำน้ำชาวญี่ปุ่น ชื่อ มาซาชิ คิมูระ หินใต้น้ำแห่งนี้มีความสูงประมาณ 50 เมตร กว้างประมาณ 20 เมตร และยาวประมาณ 100 เมตร หินใต้น้ำแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยหินขนาดใหญ่หลายก้อน หินแต่ละก้อนมีน้ำหนักประมาณ 100 ตัน หินใต้น้ำแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในลักษณะคล้ายกับพีระมิด หินใต้น้ำแห่งนี้มีอายุประมาณ 10,000 ปี หินใต้น้ำแห่งนี้ถูกสันนิษฐานว่าเป็นอารยธรรมโบราณที่สูญหายไปนาน หินใต้น้ำแห่งนี้ถูกเรียกว่า “แอตแลนติสแห่งญี่ปุ่น”
นักโบราณคดีเชื่อว่าเมืองใต้น้ำใต้น้ำแห่งนี้สร้างขึ้นโดยชาวโยนากุนิโบราณ ชาวโยนากุนิโบราณเป็นกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะรีวกีวตั้งแต่ประมาณ 10,000 ปีก่อน ชาวโยนากุนิโบราณเป็นกลุ่มชนที่มีอารยธรรมที่สูงส่ง ชาวโยนากุนิโบราณสามารถสร้างเครื่องมือหิน เรือ และอาวุธต่างๆ ชาวโยนากุนิโบราณยังสามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เช่น บ้านเรือน หมู่บ้าน และวัดวาอาราม หรือแม้กระทั่ง อนุสาวรีย์ หินใต้น้ำแห่งนี้จึงอาจเป็นหลักฐานทางโบราณคดีที่บ่งชี้ว่าชาวโยนากุนิโบราณเป็นกลุ่มชนที่มีอารยธรรมที่สูงส่ง
เมืองใต้น้ำแห่งนี้ยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่ได้รับการไขกระจ่าง นักโบราณคดียังไม่สามารถระบุได้ว่าสิ่งก่อสร้างแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด นักโบราณคดียังไม่สามารถระบุได้ว่าที่แห่งนี้มีอายุเท่าใดอย่างแน่ชัด นักโบราณคดียังไม่สามารถระบุได้ว่าอนุสาวรีย์หินใต้น้ำแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยชนชาติใด ปัจจุบันที่แห่งนี้จึงเป็นปริศนาที่ยังคงท้าทายนักโบราณคดีทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน
เป็นอย่างไรกันบ้างครับผู้อ่านทุกท่าน ท่านคงจะเห็นแล้วว่า โลกเรานั้นมีสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายหรือพิสูจน์ได้อีกมากมาย เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า สัตว์บางชนิดนั้นได้สูญพันธุ์ไปแล้วจริงๆ หรือ เมืองที่จมอยู่ใต้ทะเลนั้นแต่ก่อนเคยมีผู้คนอาศัยอยู่กันยังไง และอีกหลายล้านคำถามที่ยังคงมีมาจนถึงปัจจุบัน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีวิธีใดที่จะสามารถพิสูจน์สิ่งลี้ลับหรือปรากฏการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นได้ อาจเพราะมนุษย์ยังไม่สามารถที่จะสร้างเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ ก็เป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดอาจมีการผิดเพี้ยนจากการเล่าปากต่อปาก หรือ เป็นเพียงแค่นิทานที่ถูกแต่งขึ้นมาและถูกเล่าส่งต่อกันมา โดยก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แท้จริงแล้ว จะมีความลับแบบไหนซ่อนอยู่ภายใต้พื้นน้ำสีครามที่ไกลสุดลูกหูลูกตา มนุษย์เราทุกคน คงต้องรอดูกันต่อไป !!
10 อันดับของสิ่งแปลกๆที่สุดทั่วโลก ! เตรียมพร้อมไปกับเนื้อหาความรู้สุดพิเศษ ไม่เหมือนใคร