ในโลกเรานั้นมี เหตุการณ์แปลกประหลาด เกิดขึ้นมามากมายทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นทั้งเหตุการณ์ที่สามารถอธิบายได้ และ ไม่สามารถอธิบายได้ มีผู้คนหลายคนพยายามพิสูจน์ด้วยทฤษฏีและการปฏิบัติตามดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถทำให้เห็นถึงคำตอบ หรือ ทำเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมาได้อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องแปลกๆ นั้นก็ยังคงเกิดขึ้นมาอยู่เสมอๆ
วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปร่วมรับชมกับเหตุการณ์แปลกๆ ที่ยังคงถูกพูดถึงอยู่เสมอ ในหมวดหมู่ของเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นรอบโลก โดยทางเราจะทำการจัด 10 อันดับ เพื่อง่ายต่อการอ่าน แต่อย่างไรก็ตาม การจัดอันดับนั้นไม่ได้หมายถึงว่า อันดับไหนๆ จะมีความพิเศษหรือดีกว่าแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงการใส่ตัวเลขเพื่อกำกับไว้ก็เท่านั้น
ในปี 1997 สถานีฟังเสียงใต้มหาสมุทรของสหรัฐอเมริกาได้บันทึก เสียง ปริศนา ที่ดังกึกก้องไปทั่วมหาสมุทรแปซิฟิก เสียงนี้ถูกตั้งชื่อตามคำว่า “The bloop” ซึ่งหมายถึงเสียงดังที่ดังกึกก้อง เสียงนั้นดังมากจนสามารถได้ยินได้ไกลถึงชายฝั่งชิลีและเปรู ช่วงความยาวของเสียงประมาณ 1 นาที และมีความถี่ต่ำมาก เสียงนี้ดังจนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสัตว์ชนิดใด
มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับที่มาของเสียงบล็อป บางคนเชื่อว่าเสียงนั้นมาจากสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ เช่น วาฬขนาดใหญ่หรือหมึกยักษ์ บางคนเชื่อว่าเสียงบล็อปมาจากภูเขาไฟใต้น้ำหรือน้ำแข็งที่แตกหัก บางคนเชื่อว่าเสียงนี้เกิดขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตนอกโลก
จนถึงขณะนี้ ต้นกำเนิดของเสียงบล็อปยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อย่างไรก็ตาม เสียงนี้ยังคงเป็นปริศนาที่ท้าทายนักวิทยาศาสตร์และนักสำรวจมาจนถึงทุกวันนี้
คดี ปริศนาหน้ากากตะกั่ว เกิดขึ้นที่เมืองริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2509 พบศพของชาย 2 คน ทราบชื่อคือ มานูนเอล เปเรรา ดา ครูซ และมิเกล โจเซ วีอานา ทั้งคู่เป็นช่างไฟฟ้า สภาพศพพบสวม หน้ากากตะกั่ว และข้างศพมีสมุดบันทึกที่เขียนด้วยสัญลักษณ์ที่ไม่สามารถอ่านได้
การชันสูตรพลิกศพพบว่า ทั้งคู่เสียชีวิตจากอาการหัวใจล้มเหลว สาเหตุการเสียชีวิตยังไม่ชัดเจน เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจเกิดจาก สารพิษ จากหน้ากากตะกั่ว หรืออาจเกิดจากการใช้ ยาเสพติด
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังคงเป็น ปริศนา ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าสาเหตุการเสียชีวิตของทั้งคู่คืออะไร มีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายเหตุการณ์นี้ เช่น
คดีปริศนาหน้ากากตะกั่ว ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่สามารถไขได้ มีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายเหตุการณ์นี้ แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด คดีนี้จึงยังคงเป็นปริศนาที่ท้าทายนักสืบและนักวิชาการมาจนถึงทุกวันนี้
เหตุการณ์ Vela เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2522 เมื่อดาวเทียม Vela Hotel ของสหรัฐฯ ตรวจพบแสงวาบสองครั้งในมหาสมุทรอินเดีย ใกล้กับ หมู่เกาะปรินซ์เอ็ดเวิร์ด แสงวาบทั้งสองมีความสว่างมาก คล้ายกับแสงที่เกิดจาก ระเบิด นิวเคลียร์
รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งข้อสันนิษฐานว่าแสงสว่างทั้งสองอาจเกิดจากการทดสอบนิวเคลียร์ของชาติหนึ่ง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของใคร หลายประเทศถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นผู้ทำการทดลอง ได้แก่ แอฟริกาใต้ อิสราเอล ปากีสถาน และสหภาพโซเวียต
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่ง เรือลาดตระเวน ไปยังพื้นที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบร่องรอยของการ ทดสอบ นิวเคลียร์ เหตุการณ์ Vela จึงยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้
มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับที่มาของแสงวูบวาบทั้งสอง บางคนเชื่อว่าอาจเกิดจาก ภูเขาไฟใต้น้ำ บางคนเชื่อว่าอาจเกิดจากดาวตก บางคนเชื่อว่าอาจเกิดจากอาวุธพลังงานแสงอาทิตย์ บางคนเชื่อว่าอาจเกิดจากสิ่งมีชีวิตนอกโลก
จนถึงขณะนี้ ต้นกำเนิดของแสงทั้งสองยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด เหตุการณ์ Vela จึงยังคงเป็นปริศนาที่ท้าทายนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยมาจนถึงทุกวันนี้
Japan Airlines Flight หรือ ยูเอฟโอ บินวนรอบเครื่องบิน เป็นเหตุการณ์ยูเอฟโอที่โด่งดังที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529 เครื่องบินโบอิ้ง 747-200F ของสายการบิน Japan Airlines กำลังบินจากปารีสไปยังนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อกัปตันและลูกเรือสังเกตเห็นวัตถุประหลาดสามดวงกำลังบินวนรอบเครื่องบิน วัตถุเหล่านี้มีรูปร่างกลม มีแสงสว่างจ้า และเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว
กัปตันและลูกเรือพยายามติดต่อกับศูนย์ควบคุมการบิน แต่ศูนย์ควบคุมการบินไม่สามารถตรวจพบวัตถุเหล่านี้ได้ วัตถุเหล่านี้ยังคงบินวนรอบเครื่องบินเป็นเวลาประมาณ 50 นาที ก่อนที่มันจะหายไปจากสายตา
หลังจากเหตุการณ์นี้ กัปตันและลูกเรือของ Japan Airlines ได้ให้คำอธิบายว่าวัตถุประหลาดที่พวกเขาพบนั้นอาจเป็น ยูเอฟโอ (Unidentified Flying Object) หรือวัตถุที่บินไม่ได้ระบุที่มา เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ยูเอฟโอที่โด่งดังที่สุด และยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้
ในปี 1977 ตรวจพบ สัญญาณ วิทยุ ปริศนาที่ตรวจพบโดยนักดาราศาสตร์ชาวแคนาดา อเล็กซ์ เทรลล์ ในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2520 สัญญาณนี้ถูกตรวจพบจากบริเวณใกล้กับดาวฤกษ์โพรซีออน ในระบบดาวฤกษ์สามดวงที่ตั้งอยู่ในกลุ่มดาวสุนัขใหญ่ สัญญาณนี้มีความถี่ 1420 MHz ซึ่งเป็นความถี่เดียวกันกับที่น้ำปล่อยออกมาเมื่อถูกเปลี่ยนสภาพเป็นไอน้ำ สัญญาณนี้มีความแรงมาก และมีความคงที่เป็นเวลานาน 2 นาที ซึ่งทำให้นักดาราศาสตร์เชื่อว่าสัญญาณนี้อาจมาจากดาวเคราะห์นอกระบบ
ในช่วงเวลานั้น สัญญาณวิทยุปริศนานี้ เป็นที่โด่งดังที่สุดครั้งหนึ่ง และยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับที่มาของสัญญาณนี้ บางคนเชื่อว่าสัญญาณนี้มาจากดาวเคราะห์นอกระบบ บางคนเชื่อว่าสัญญาณนี้มาจากยานอวกาศของ มนุษย์ต่างดาว บางคนเชื่อว่าสัญญาณนี้เป็นเพียงสัญญาณรบกวนทางธรรมชาติ
จนถึงปัจจุบัน ต้นกำเนิดของสัญญาณวิทยุสุดแปลก ในปี 1977 ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด สัญญาณนี้ จึงยังคงเป็นปริศนาที่ท้าทายนักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์มาจนถึงทุกวันนี้
มือปืน ปริศนาที่ไม่สามารถหาตัวได้ในปี 1927 เป็นหนึ่งในคดีฆาตกรรมที่โด่งดังที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น มือปืนรายนี้สังหารเหยื่อหลายสิบรายในโตเกียว ก่อนที่จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย คดีนี้ยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้
มือปืนปริศนารายนี้เริ่มก่อเหตุในปี 1927 เหยื่อรายแรกของเขาคือหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินอยู่คนเดียวในเวลากลางคืน มือปืนรายนี้ยิงเธอจากระยะไกลด้วย ปืนไรเฟิล เหยื่อรายที่สองคือชายคนหนึ่งที่เดินกลับบ้านจากทำงาน มือปืนรายนี้ยิงเขาจากหลังคาตึก เหยื่อรายต่อๆ มาล้วนถูกมือปืนรายนี้ยิงจากระยะไกลด้วยปืนไรเฟิล
ตำรวจพยายามสืบสวนคดีนี้อย่างหนัก แต่ก็ไม่พบเบาะแสใดๆ มือปืนรายนี้มีความชำนาญในการยิงปืนมาก และไม่ทิ้งร่องรอยไว้เบื้องหลัง ตำรวจจึงไม่สามารถจับมือปืนรายนี้ได้
คดีมือปืนปริศนา ในปี 1927 สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวโตเกียวเป็นอย่างมาก ผู้คนต่างพากันหวาดผวากับการเดินคนเดียวในเวลากลางคืน ตำรวจพยายามอย่างเต็มที่ในการสืบสวนคดีนี้ แต่ก็ไม่พบเบาะแสใดๆ คดีนี้จึงยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้
มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับตัวตนของมือปืนปริศนารายนี้ บางคนเชื่อว่าเขาเป็นทหารเก่าที่มีอาการ PTSD บางคนเชื่อว่าเขาเป็นอาชญากรที่หนีคดี บางคนเชื่อว่าเขาเป็นจิตเภท บางคนเชื่อว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับตัวตนของมือปืนปริศนารายนี้
ในปี 1978 เป็นหนึ่งในเหตุการณ์การหายตัวไปของเครื่องบินที่โด่งดังที่สุดครั้งหนึ่งของโลก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 1978 ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แดเนียล วัลตินิก วัย 20 ปี นักบินฝึกหัดหายตัวไปขณะบินเครื่องบิน Cessna 182 ของเขาเหนืออ่าวพอร์ตฟิลลิป
วัลตินิกได้ติดต่อกับหอบังคับการบินเมลเบิร์นเพื่อขออนุญาตขึ้นบิน เขาได้แจ้งหอบังคับการบินว่ากำลังบินเหนืออ่าวพอร์ตฟิลลิปและกำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะแซมสัน ไม่นานหลังจากนั้น วัลตินิกได้ติดต่อหอบังคับการบินอีกครั้งเพื่อแจ้งว่าพบวัตถุประหลาดกำลังบินอยู่ใกล้กับเครื่องบินของเขา เขาได้อธิบายว่าวัตถุดังกล่าวมีรูปร่างกลมและมีแสงสว่างจ้า เขายังกล่าวอีกว่าวัตถุดังกล่าวกำลังเคลื่อนที่เร็วมากและกำลังเข้ามาใกล้เครื่องบินของเขา
หอบังคับการบินได้พยายามติดต่อวัลตินิกอีกครั้ง แต่วัลตินิกไม่ได้ตอบกลับ เครื่องบินของวัลตินิกก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
การหายตัวไปของวัลตินิกยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับสาเหตุของการหายตัวไป บางคนเชื่อว่าวัลตินิกอาจถูกวัตถุประหลาดที่พบเห็นสังหาร บางคนเชื่อว่าวัลตินิกอาจประสบอุบัติเหตุทางการบิน บางคนเชื่อว่าวัลตินิกอาจหลบหนีไปต่างประเทศ
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุการหายตัวไปของวัลตินิก การหายตัวไปของวัลตินิกจึงยังคงเป็นปริศนาที่ท้าทายนักสืบและนักวิชาการมาจนถึงทุกวันนี้
The Kinross Incident เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2496 เมื่อเครื่องบิน F-89 Scorpion ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ หายตัวไปอย่างลึกลับขณะบินเหนือทะเลสาบมิชิแกน เครื่องบินลำนี้กำลังปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเมื่อหายไปจาก เรดาร์ ไม่มีการพบซากเครื่องบินหรือลูกเรือ เหตุการณ์นี้จึงยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้
นักสืบและนักวิชาการต่างพยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบิน F-89 Scorpion แต่ก็ไม่พบคำตอบที่ชัดเจน มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับสาเหตุของการหายตัวไป บางคนเชื่อว่าเครื่องบินอาจถูกพายุหิมะพัดหายไป บางคนเชื่อว่าอาจถูก UFO ลักพาตัวไป บางคนเชื่อว่าอาจเกิดการชนกันระหว่างเครื่องบินกับวัตถุอื่น
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุการหายตัวไปของเครื่องบิน F-89 Scorpion การหายตัวไปของเครื่องบินลำนี้จึงยังคงเป็นปริศนาที่ท้าทายนักสืบและนักวิชาการมาจนถึงทุกวันนี้
อาถรรพ์ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา (Bermuda Triangle) เป็นหนึ่งในอาถรรพ์ที่โด่งดังที่สุดในโลก อาถรรพ์สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก อยู่ระหว่างเกาะเบอร์มิวดา ฟลอริดา และเปอร์โตริโก อาถรรพ์สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นที่รู้จักจากการหายตัวไปอย่างลึกลับของเรือและเครื่องบินจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงเรือและเครื่องบินขนาดใหญ่หลายลำ อาถรรพ์สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาจึงถูกเรียกว่า “สามเหลี่ยมปีศาจ“
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาถรรพ์สามเหลี่ยมเบอร์มิวดายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับสาเหตุของอาถรรพ์สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา บางคนเชื่อว่าอาถรรพ์นั้นเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น พายุหมุนเขตร้อน กระแสน้ำวน ภูเขาใต้น้ำ บางคนเชื่อว่าอาถรรพ์สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเกิดจากปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ เช่น มนุษย์ต่างดาว มังกรทะเล บางคนเชื่อว่าอาถรรพ์นี้นั้นเกิดจากสาเหตุที่มนุษย์ไม่สามารถอธิบายได้
จนถึงขณะนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดายังคงเป็นปริศนาที่ท้าทายนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และทำไมเรือและเครื่องบินจำนวนมากจึงหายตัวไปอย่างลึกลับในบริเวณนี้
ปรากฏการณ์ พระอาทิตย์เต้นได้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2460 ในเมืองฟาติมา ประเทศโปรตุเกส มีประชาชนกว่า 70,000 คนมาชุมนุมกันเพื่อชมปรากฏการณ์นี้ ปรากฏการณ์นั้นเกิดขึ้นเป็นเวลาประมาณ 10 นาที ดวงอาทิตย์ ปรากฏเป็นวงแหวนขนาดใหญ่และเต้นระริกไปมา ผู้คนต่างพากันตกตะลึงและเชื่อว่านี่เป็นปาฏิหาริย์จาก พระเจ้า
ปรากฏการณ์นี้ได้ได้รับการบันทึกเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ เหตุการณ์นี้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารหลายฉบับทั่วโลก ผู้คนต่างพากันเชื่อกันว่าเหตุการณ์นี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความศักดิ์สิทธิ์ของ พระแม่มารี
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนาทางวิทยาศาสตร์ ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าปรากฏการณ์นี้เกิดจากอะไร บางคนเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น การหักเหของแสงอาทิตย์ บางคนเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้เกิดจากปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ เช่น ปาฏิหาริย์จากพระเจ้า
จนถึงปัจจุบัน ปรากฏการณ์พระอาทิตย์เต้นได้ยังคงเป็นปริศนาที่ท้าทายนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าปรากฏการณ์นี้เกิดจากอะไร และทำไมจึงเกิดขึ้นที่เมืองฟาติมา ประเทศโปรตุเกส
10 อันดับของสิ่งแปลกๆที่สุดทั่วโลก ! เตรียมพร้อมไปกับเนื้อหาความรู้สุดพิเศษ ไม่เหมือนใคร